วันอาทิตย์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2555
วันอาทิตย์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2555
วันศุกร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2555
วันพฤหัสบดีที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2555
คำว่า "เครื่องช่วยหายใจ" คำนี้เมื่อฉันนึกถึง ในสมองของฉันก็เต็มไปด้วยสายระโยงระยาง ต้องตั้งค่านั่น โน่น นี่ สารพัดปัญหา เฮ้อออ (คิ้วติดกันเป็นโบว์)ถอนหายใจเข้าออก 10 รอบก็ยังปวดหัวไม่หาย แต่ช่างมันเฮอะ ไหนๆก็ไหนๆแล้วอย่างที่โบราณกล่าวไว้ว่า "เกลียดสิ่งไหนมักได้สิ่งนั้น" ไม่ใช่ซิต้องพูดว่า"หนีสิ่งไหนมักเจอสิ่งนั้น" เอาเป็นว่าเข้าเรื่องเลยละกัน ตั้งแต่ฉันเรียนพยาบาลมา 4ปี ปีที่4นี่แหละถึงได้ฝึกไอซียู เอ๊ะ! ไม่ใช่ซิปี 3ต่างหาก ก้าวแรกที่เข้าไปฝึกไอซียู สิ่งแรกที่ฉันมองคือ เครื่องช่วยหายใจ ทั้งแปดเตียงเต็มไปด้วยเครื่องๆๆแล้วก็เครื่อง ณ.วินาทีนั้นฉนคิดอยู่เรื่องเดียวว่า..ฉันจะทำอะไรได้บ้างหนอ โอ๊ยยเครียดดด ก็อย่างว่าน่ะฝึกไปฝึกมา ถามว่าใช้มันเป็นไหม จะใช้เป็นได้ไงเล่าในเมื่อตอนพี่เขาสอน ฉันฟังบ้างไม่ฟังบ้างที่เป็นก็มีแต่ bed bath และ suction แล้วพี่ที่นิเทศน์ก็ดันมาพูดอีก (น้องๆคนไหนไม่อยากอยู่ไอซียู ไม่จำเป็นต้องรู้มากก็ได้) ทีนี่หละเข้าประเด็นเปะเลย ฉันก็ฟังหูซ้ยทะลุหูขวา จนกระทั่งการฝึกงานก็ผ่านไปอย่างราบรื่น ฉันครุ่นคิดอยู่เสมอว่าฉันไม่ได้อยากอยู่ไอซียูซะหน่อย ให้รู้นิดหน่อยก็พอละมั้ง แต่ใครจะไปคิดล่ะ เรียนจบเลือกโรงบาล เลือกวอร์ด ฉันอุส่าต์ เลือกวอ์ด์พิเศษชั้น6 ก็ไม่นึกว่าจะมีเครื่องช่วยหายใจด้วย นึกว่าจะเป็นวอร์ดพิเศษที่ดูแลคนไข้ที่ ชิว ชิว สบายๆที่ไหนได้มีเครื่องช่วยหายใจตั้ง 2-3เครื่อง เอาล่ะซิเริ่มกลัวแล้วช้านน ใจเต้นตุ๊บ ตุ๊บ ไงล่ะตอนฝึกงานพี่เขาสอนเราก็ฟังเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา พอมาเจอแบบจริงๆจังๆ พูดได้คำเดียวตายแน่นอน ยิ่งได้ข่าวว่าจะเปิดวอร์ด 6/2 แถมหัวหน้ามาบอกอีกว่า(พี่จะส่งน้องไปฝึกไอซียูเป็นคู่)ตายแล้วว ตายแน่ๆช้านน กลัวจนไม่รู้จะพูดอะไรแล้วและแล้วก่อนที่6/2จะเปิดก็มีพี่ผู้มีประสบการณ์เรื่องเครื่องช่วยหายใจ มาสอนทุกอย่างที่เกี่ยวกับเครื่องช่วยหายใจ ไม่ว่าจะเป็น การตั้งค่า การทดสอบ ณ.ตอนนั้นเราก็แค่ดูพี่เขาทำอย่างเดียว ชักจะตื่นเต้นแล้วดิ จนกระทั่งเปิดวอร์ด6/2ฉันอยู่เวรบ่าย พอดีเป็นคนที่ค่อนข้างเรียกเคสมากถึงมากที่สุด ซักพักโทรศัพท์ก็ดังขึ้น รับใหม่จาก ER เคสนึงค่ะ ใส่ tube Dx..post arrest ไอซียูเต็มจร้าา ซักพักใหญ่ๆก็มีเจ้าหน้าที่เวรเปลเอาเครื่องช่วยหายใจมา ยังไม่ต่ออะไรเลย มาถึงปั๊บฉันกับเพื่อนคู่เวรก็บรรเลงต่อกัน อย่างว่าน่ะต่อครั้งแรก ยาวข้างนึงสั้นข้างนึง 555 แกะและต่อจนสำเร็จในที่สุด เฮ้อ! ผ่านไปแล้วหนึ่งขั้นตอน ต่อไปก็ถึงครา test เครื่อง นานเหมือนกัน ~20 นาทีกว่าจะสำเร็จ และแล้วเจ้าหน้าที่ก็มาส่งผูป่วย เราก็จัดการต่อกับคนไข้ ต่อเสร็จดันมีปัญหาขึ้นอีก alarms Tecnical อาไรก็ไม่รู้ จำไม่ค่อยได้ ดูทุกอย่างแล้ว alarms ก็ยังไม่หยุด ก็เลยตัดสินใจโทรหาช่าง คุณช่างก็มาทำให้และสอน ฉันก็ตั้งใจฟังน่ะ แต่ด้วยงานยุ่งและเร่งรีบ ก็จำไม่ค่อยได้แล้วเหมือนกัน อิอิอิ (ปลาทอง) และแล้วเวรวันนั้นก็ผ่านไปอย่างราบรื่น หลังจากวันนั้นความกลัวเครื่องช่วยหายใจก็ลดน้อยลงมาเรื่อยๆ ถึงตอนนี้ความกลัวนั้นยังไม่หมดแต่ฉันเชื่อว่าถ้าฉันอยู่กับมันนานๆความกลัวก็จะจางหายไปเอง
วันพุธที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2555
วันอังคารที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2555
ลักษณะต่างๆ ของการหายใจ
1. Eupnea การหายใจเข้าออกอย่างธรรมดา เกิดขึ้นตามปกติเป็นจังหวะติดต่อกัน และค่อนข้างสม่ำเสมอตลอดเวลา
2. Hyperpnea การหายใจเข้าออกเร็วและแรงสัมพันธ์กับระดับ Metabolism ของร่างกาย เช่น กรณีการออกกำลังกายมาก ร่างกายใช้ O2 มากและ CO2 ออกมามาก จึงต้องหายใจมากเพื่อรับ O2 และขับเอา CO2 ออกมาให้สัมพันธ์กัน จะพบว่าระดับออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดจะยังคงเป็นปกติ นอกจากนั้นยังพบว่าในคนที่มี Metabolism สูง อื่นๆ อีก เช่น คนเป็นไข้สูง ต่อม Thyroid เป็นพิษ เป็นต้น 3. Hyperventilation เป็นการหายใจเข้า-ออก เร็ว แรง เช่นกัน แต่เกิดจากอำนาจทางจิตใจ ทั้งๆ ที่ร่างกายยังปกติอยู่ ทำให้ CO2 ถูกขับออกจากร่างกายมาก จะพบระดับ CO2 ในเลือดต่ำ พบในผู้ที่มีปัญหาทางจิตใจ จะหายใจแรง ผลที่ตามมา คือ ร่างกายจะมีสภาพเป็นด่าง และเกิดเป็นตะคริว ชาตามแขน ขา
4. Hypoventilation การหายใจน้อย อาจจะมีหายใจช้าร่วมด้วย พบในโรคที่มีการกดศูนย์หายใจ (Respiratory center) ระดับ CO2 ในเลือดจะสูง O2 จะต่ำ
5. Tachypnea หายใจเร็ว
6. Bradypnea หายใจช้า
7. Apnea การหยุดหายใจค้างอยู่ในท่าหลังจากหายใจออก
8. Apneusis การหยุดหายใจค้างอยู่ในท่าหลังจากหายใจเข้า
9. Periodic breathing (Cheyne - Stroke respiration) คือ การหายใจที่มีลักษณะเป็นช่วงๆ คือ หายใจเบาๆ น้อยๆ แล้วหายใจแรงขึ้น ๆ แล้วค่อยๆ ลดลงจนหยุด เกิดในคนที่เป็นโรคของสมอง หัวใจ
10. Asphyxia การหายใจไม่ออกเนื่องจากทางเดินหายใจอุดตัน ทำให้หายใจลำบากและหยุดหายใจในที่สุด คนไข้จะมีอาการเขียวคล้ำเพราะขาด O2 พบในคนจมน้ำ ผูกคอตาย หรือทารกแรกเกิดที่ขาด O2 11. Sighing การถอนหายใจ เป็นกลไกอันหนึ่งของร่างกายที่จะทำให้ปอดขยายตัวได้เป็นพักๆ เพื่อไม่ให้ปอดแฟบ เป็นการหายใจเข้าออกด้วยปริมาตรจำนวนมาก เกิดขึ้นได้ประมาณ ชั่วโมงละ 8 ครั้ง ในผู้หญิง และ 6 ครั้งในผู้ชาย
12. Yawning การหาว เป็นการหายใจเข้า-ออก ลึกๆ (ปริมาณมาก) เช่นกัน แต่ใช้ระยะเวลานานกว่า เกิดเนื่องจากมีการขนส่ง CO2 ในร่างกาย หลังตื่นนอนหรือตอนง่วงนอน
13. Hiccough การสะอึก เกิดจากการหดตัวแน่นๆ เป็นพักๆ (Spasm) ของกล้ามเนื้อกระบังลม (Diaphragm) ทำให้การปิดของ Glottis อาจไม่ตรงตามจังหวะ ลมจะผ่าน Glottis อย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดเสียงดังพบในการที่มีการระคายเคืองต่อกระบังลม เช่น การที่กระเพาะโปร่งมากเกินไป (จากอาหารที่กิน หรือการกลืนลม) การกลืนน้ำลายเป็นวิธีหนึ่งที่จะแก้สะอึกได้
14. Dyspnea การหายใจลำบากหรือการหายใจไม่สะดวก ต่างจากข้อ 1-13 ในข้อที่ว่า เราไม่สามารถตรวจพบอาการ Dyspnea ได้ แต่เป็นความรู้สึกของคนที่เป็นเองว่าหายใจไม่พอ พบในคนที่เป็นโรคปอด โรคหัวใจ
15.การหายใจในสภาพแวดล้อมที่ผิดปกติ
15.1 ในที่สูงมากๆ ถ้าเราอยู่ในที่สูง ความดันบรรยากาศจะลดลง สิ่งแรกที่จะรู้สึก คือ หูอื้อ เนื่องจากความดันในช่องหูยังเท่าเดิม แต่ความดันภายนอกลดลง แก้วหูจะถูกดันให้โป่ง วิธีแก้ไข คือ การกลืนน้ำลาย เคี้ยวหมากฝรั่งเพื่อให้ความดันในช่องหู กลับมาเท่ากับความดันบรรยากาศภายนอก อาการต่อไป คือ ความดันของ O2 จะต่ำลงด้วย จะมีอาการปวดศรีษะ อ่อนเพลีย แน่นหน้าอก และเหนื่อยง่ายกว่าปกติ
15.2 ในที่ต่ำมากๆ จะมีความกดดันอากาศมาก ทำให้รู้สึกหายใจไม่สะดวก เคลื่อนไหวลำบาก และสิ่งสำคัญ คือ การขึ้นสู่พื้นดินด้วยความรวดเร็ว Gas nitrogen ในเลือดจะขยายตัวเป็นฟอง เกิด Embolism ไปอุดตามที่ต่างๆ และถ้ามีอาการมากอาจถึงตายได้ เรียกว่า Caisson disease Basic human anatomy September 2006
2. Hyperpnea การหายใจเข้าออกเร็วและแรงสัมพันธ์กับระดับ Metabolism ของร่างกาย เช่น กรณีการออกกำลังกายมาก ร่างกายใช้ O2 มากและ CO2 ออกมามาก จึงต้องหายใจมากเพื่อรับ O2 และขับเอา CO2 ออกมาให้สัมพันธ์กัน จะพบว่าระดับออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดจะยังคงเป็นปกติ นอกจากนั้นยังพบว่าในคนที่มี Metabolism สูง อื่นๆ อีก เช่น คนเป็นไข้สูง ต่อม Thyroid เป็นพิษ เป็นต้น 3. Hyperventilation เป็นการหายใจเข้า-ออก เร็ว แรง เช่นกัน แต่เกิดจากอำนาจทางจิตใจ ทั้งๆ ที่ร่างกายยังปกติอยู่ ทำให้ CO2 ถูกขับออกจากร่างกายมาก จะพบระดับ CO2 ในเลือดต่ำ พบในผู้ที่มีปัญหาทางจิตใจ จะหายใจแรง ผลที่ตามมา คือ ร่างกายจะมีสภาพเป็นด่าง และเกิดเป็นตะคริว ชาตามแขน ขา
4. Hypoventilation การหายใจน้อย อาจจะมีหายใจช้าร่วมด้วย พบในโรคที่มีการกดศูนย์หายใจ (Respiratory center) ระดับ CO2 ในเลือดจะสูง O2 จะต่ำ
5. Tachypnea หายใจเร็ว
6. Bradypnea หายใจช้า
7. Apnea การหยุดหายใจค้างอยู่ในท่าหลังจากหายใจออก
8. Apneusis การหยุดหายใจค้างอยู่ในท่าหลังจากหายใจเข้า
9. Periodic breathing (Cheyne - Stroke respiration) คือ การหายใจที่มีลักษณะเป็นช่วงๆ คือ หายใจเบาๆ น้อยๆ แล้วหายใจแรงขึ้น ๆ แล้วค่อยๆ ลดลงจนหยุด เกิดในคนที่เป็นโรคของสมอง หัวใจ
10. Asphyxia การหายใจไม่ออกเนื่องจากทางเดินหายใจอุดตัน ทำให้หายใจลำบากและหยุดหายใจในที่สุด คนไข้จะมีอาการเขียวคล้ำเพราะขาด O2 พบในคนจมน้ำ ผูกคอตาย หรือทารกแรกเกิดที่ขาด O2 11. Sighing การถอนหายใจ เป็นกลไกอันหนึ่งของร่างกายที่จะทำให้ปอดขยายตัวได้เป็นพักๆ เพื่อไม่ให้ปอดแฟบ เป็นการหายใจเข้าออกด้วยปริมาตรจำนวนมาก เกิดขึ้นได้ประมาณ ชั่วโมงละ 8 ครั้ง ในผู้หญิง และ 6 ครั้งในผู้ชาย
12. Yawning การหาว เป็นการหายใจเข้า-ออก ลึกๆ (ปริมาณมาก) เช่นกัน แต่ใช้ระยะเวลานานกว่า เกิดเนื่องจากมีการขนส่ง CO2 ในร่างกาย หลังตื่นนอนหรือตอนง่วงนอน
13. Hiccough การสะอึก เกิดจากการหดตัวแน่นๆ เป็นพักๆ (Spasm) ของกล้ามเนื้อกระบังลม (Diaphragm) ทำให้การปิดของ Glottis อาจไม่ตรงตามจังหวะ ลมจะผ่าน Glottis อย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดเสียงดังพบในการที่มีการระคายเคืองต่อกระบังลม เช่น การที่กระเพาะโปร่งมากเกินไป (จากอาหารที่กิน หรือการกลืนลม) การกลืนน้ำลายเป็นวิธีหนึ่งที่จะแก้สะอึกได้
14. Dyspnea การหายใจลำบากหรือการหายใจไม่สะดวก ต่างจากข้อ 1-13 ในข้อที่ว่า เราไม่สามารถตรวจพบอาการ Dyspnea ได้ แต่เป็นความรู้สึกของคนที่เป็นเองว่าหายใจไม่พอ พบในคนที่เป็นโรคปอด โรคหัวใจ
15.การหายใจในสภาพแวดล้อมที่ผิดปกติ
15.1 ในที่สูงมากๆ ถ้าเราอยู่ในที่สูง ความดันบรรยากาศจะลดลง สิ่งแรกที่จะรู้สึก คือ หูอื้อ เนื่องจากความดันในช่องหูยังเท่าเดิม แต่ความดันภายนอกลดลง แก้วหูจะถูกดันให้โป่ง วิธีแก้ไข คือ การกลืนน้ำลาย เคี้ยวหมากฝรั่งเพื่อให้ความดันในช่องหู กลับมาเท่ากับความดันบรรยากาศภายนอก อาการต่อไป คือ ความดันของ O2 จะต่ำลงด้วย จะมีอาการปวดศรีษะ อ่อนเพลีย แน่นหน้าอก และเหนื่อยง่ายกว่าปกติ
15.2 ในที่ต่ำมากๆ จะมีความกดดันอากาศมาก ทำให้รู้สึกหายใจไม่สะดวก เคลื่อนไหวลำบาก และสิ่งสำคัญ คือ การขึ้นสู่พื้นดินด้วยความรวดเร็ว Gas nitrogen ในเลือดจะขยายตัวเป็นฟอง เกิด Embolism ไปอุดตามที่ต่างๆ และถ้ามีอาการมากอาจถึงตายได้ เรียกว่า Caisson disease Basic human anatomy September 2006
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)